วันพุธที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

บทความใหม่


บทความใหม่   



มะเขือเทศ
         
       มะเขือเทศ ( Tomato ) เป็นพืชชนิดหนึ่งที่อุดมไปด้วยคุณค่าทางอาหาร มะเขือเทศขนาดปานกลางจะมีปริมาณวิตามินซีครึ่งหนึ่งของส้มโอทั้งผล มะเขือเทศผลหนึ่งจะมีวิตามินเอราว 1 ใน 3 ของวิตามินเอที่ร่างกายต้องการในหนึ่งวัน นอกจากนี้มะเขือเทศยังมีโปแตสเซียม ฟอสฟอรัส แมกนีเซียมและแร่ธาตุอื่นๆ อีกหลายชนิด
ลักษณะเป็นพืชล้มลุกอายุเพียง 1 ปี ลำต้นตั้งตรง มีลักษณะเป็นพุ่ม มีขนอ่อน ๆ ปกคลุม ใบเป็นใบประกอบ ออกสลับกัน ใบย่อยมีขนาดไม่เท่ากัน บางใบเล็กรียาว บางใบกลมใหญ่ ปลายใบแหลม ขอบใบเป็นหยักลึกคล้ายฟันเลื่อยมีขนอ่อน ๆ ออกดอกเป็นช่อหรือดอกเดี่ยว บริเวณซอกใบ ดอกมีสีเหลือง มีกลีบเลี้ยงสีเขียวประมาณ 5-6 กลีบ ผลเป็นผลเดี่ยว มีขนาดรูปร่างและสีต่างกัน ซึ่งมีขนาดเล็กประมาณ 3 เซนติเมตร จนถึงใหญ่ประมาณ 10 เซนติเมตร รูปร่างมีทั้งกลม กลมแบน หรือกลมรี ผิวนอกลีบเป็นมัน ผลดิบมีสีเขียว หรือเขียวอมเทา เมื่อสุกจะมีสีเหลือง สีส้ม หรือสีแดง เนื้อภายในฉ่ำด้วยน้ำมีรสเปรี้ยว เมล็ดมีเป็นจำนวนมาก มะเขือเทศมีหลายพันธุ์ เช่น พันธุ์สีดา พันธุ์โรมาเรดเพียร์ เป็นต้น

บุคลากรทางการศึกษา



บุคลากรทางการศึกษา


    ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา เป็นบุคลากรของรัฐที่ปฏิบัติหน้าที่ในราชการไทย ในอดีตมีชื่อเรียกว่า "ข้าราชการครู" ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ข้าราชการครูที่สังกัดการปกครองส่วนท้องถิ่นเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ข้าราชการครูองค์การบริหารส่วนจังหวัด พนักงานครูเทศบาล พนักงานครูองค์การบริหารส่วนตำบล ปัจจุบันมี 3 ประเภท

1.ผู้สอนในหน่วยงานการศึกษา ประกอบด้วยตำแหน่งต่างๆ ได้แก่

    1.ครูผู้ช่วย ในราชการส่วนท้องถิ่นมีตำแหน่ง ครูผู้ดูแลเด็ก (หรือ ครู ผดด.) และหัวหน้าศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก (หรือ หน.ศผด.) ซึ่งเทียบเท่าครูผู้ช่วย
    2.ครู
    3.อาจารย์
    4.ผู้ช่วยศาสตราจารย์
    5.รองศาสตราจารย์
    6.ศาสตราจารย์                              

https://docs.google.com/forms/d/1xMfz0SNg_c5plAGQLqjbNJcOdaYIEMrqUt46HGgw0dk/viewform?usp=send_form

วันพุธที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2558

การสอนภาษาไทยห้อง 4/3






    




การใช้อวัจนภาษาและวัจนภาษาในการสื่อสารจึงมีความสัมพันธ์กันหลายประการ  สรุปได้ดังนี้

    1. ใช้ซ้ำกัน  การใช้อวัจนภาษาที่มีความหมายเช่นเดียวกันกับวัจนภาษาช่วยให้สื่อความหมายได้ชัดเจนยิ่งขึ้น  เช่น  เพื่อนชวนเราไปดูภาพยนตร์  เราตอบปฏิเสธว่าไม่ไปพร้อมกับส่ายหน้าไปด้วย  อาการส่ายหน้าเป็นอวัจนภาษาที่ซ้ำกับคำพูดที่ปฏิเสธออกไปนั่นเอง  หากเราพูดเบาเพื่อนไม่ได้ยินเสียงแต่เห็นการส่ายหน้าก็สามารถเข้าใจได้ 

     2. ใช้แทนกัน
  การใช้อวัจนภาษาทำหน้าที่แทนคำพูดเช่น  เพื่อนถามว่า  เธอไปเป็นเพื่อนฉันได้หรือไม่  ผู้ตอบพยักหน้าโดยไม่พูดอะไร  ก็สื่อความหมายได้ว่าเป็นการตอบตกลง 

     3. ใช้เสริมกัน
  การใช้อวัจนภาษาเพิ่มหรือเสริมน้ำหนักให้แก่คำพูดเพื่อแสดงอารมณ์  ความรู้สึก  หรือแสดงภาพจากตัวอักษรให้จริงจังมากขึ้น  เช่น  เมื่อเราไปขอความเห็นใจจากใคร สักคน  ถ้าลำพังถ้อยคำที่ พูดอย่างเดียวอาจจะแสดงอารมณ์ไม่เต็มที่  แต่ถ้าเราใช้น้ำเสียงและการแสดงออกบน ใบหน้าและดวงตาประกอบ  ก็จะทำให้ผู้รับสารมีปฏิกิริยาตอบสนองในทางอารมณ์เข้าใจและเห็นใจเรามากขึ้น  

     4. ใช้เน้นกัน
  การใช้อวัจนภาษาเน้นบางจุดที่ผู้พูดต้องการจะเน้นประกอบกับวัจนภาษา  ซึ่งการเน้นนั้นมีน้ำหนักแตกต่างกัน  มีเน้นมาก  เน้นพอสมควรหรือเน้นเล็กน้อย  เครื่องมือที่ช่วยในการเน้นที่สำคัญ ๆ  เช่น  การบังคับเสียงให้ดังขึ้นกว่าปกติ  การเคลื่อนไหวมือและแขน  การเคลื่อนไหวของศีรษะ  เป็นต้น  

     5. ใช้ขัดแย้งกัน
  การใช้อวัจนภาษาที่สื่อความหมายตรงกันข้ามกับสารในคำพูด  เช่น  เราได้รับรางวัลมารยาทดีเด่น  เพื่อนมากล่าวคำยินดีด้วยแต่สีหน้ามิได้ยิ้มแย้มและแววตาของเขากลับดูเฉยเมยมิได้แสดงออกถึงความยินดีนั้นเลย  เช่นนี้แสดงว่าการใช้วัจนภาษาขัดแย้งกับอวัจนภาษา